ฝรั่งเศสชุด 2018 สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกรอบในรอบชิงชนะเลิศได้เป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 1998 ในยุคของ ซีเนดีน ซีดาน เพลย์เมเกอร์ระดับตำนานของทีมตราไก่ ฝรั่งเศสต้องผมกับความผิดหวังมาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงระหว่างปี 2008 -2016 ด้วยการตกรอบแบ่งกลุ่มในฟุตบอลโลก 2010 และพลิกล็อกแพ้โปรตุเกสในนัดชิงยูโร 2016 ที่ถิ่นของตัวเอง
แต่ในปี 2018 ฝรั่งเศสสามารถกลับมาเป็นทีมเดิมได้อีกครั้ง ด้วยผู้เล่นหนุ่มที่มากไปด้วยประสบการณ์มากมาย ฝรั่งเศสสามารถเข้ารอบชิงได้โดยไม่แพ้ให้ใครเลยแม้แต่นัดเดียว และเข้าไปชิงชนะเลิศกับโครเอเชียผล จบด้วยการคว้าแชมป์มาครองของทีมตราไก่ที่ 4-1 โดยในวันนี้ บทความนี้จะขอมาแนะนำ 5 ขุมกำลังหลักของทีมชาติฝรั่งเศส ที่ช่วยพาให้ทีมเป็นแชมป์ได้สำเร็จ บอลโลกสรุป 5 เหตุการณ์บอลโลกที่ยังไม่ลืม ยังคงอยู่ในความทรงจำคนไทยที่ยังตราตรึง
5. ฮูโก้ ยอริส (ผู้รักษาประตู/สเปอร์ส)
โก้ ผู้รักษาประตูกัปตันทีมชาติฝรั่งเศส เขาทำหน้าที่เป็นผู้นำในสนามได้ดีเสมอมา คอยตะโกนสั่งการเพื่อนร่วมทีมจากแดนหลัง โก้ ลงเล่นฟุตบอลโลกให้กับฝรั่งเศสเป็นครั้งที่ 3มากเหนือผู้เล่นในทีมคน เขาคือคนที่อยู่เฝ้าเสาให้ทีมมานานกว่า 10 ปี โดยผู้รักษาประตูรายนี้เสียประตูไปเพียง 4 ลูก เท่านั้น โก้ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในนัดที่ฝรั่งเศสต้องปะทะกับอุรุกวัยในรอบ 8 ทีม เขาช่วยเซฟให้ทีมหลายต่อหลายครั้ง เป็นสาเหตุสำคัญที่ช่วยให้ฝรั่งเศสเก็บคลีนและเอาชนะอุรุกวัยไปได้สำเร็จ 2-0 ผ่านเข้ารอบต่อไป และอีกแมตช์ที่เขาโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมก็คือ ในนัดเจอกับในรอบรองชนะเลิศ บางคนถึงกับยกให้แมตช์นี้เป็นเสมือนนัดชิงฟุตบอลโลกไปเลย เพราะหากทีมไหนชนะก็เหมือนกับการได้แชมป์ไปแล้วครึ่งหนึ่ง เพราะทั้งสองทีมถูกยกให้เป็นเต็ง 1 และ 2 ในทัวร์นามนต์นั้น สามารถเซฟสำคัญได้ ในช็อตปัดลูกโหม่งของแฟร์ทองกองหลังเพื่อนร่วมสโมสรออกจากเส้นได้ และก็เป็นฝรั่งเศสที่เก็บคลีนและเอาชนะไปได้ในที่สุด ฮูโก้ ยอริส ผู้รักษาประตูกัปตันทีมชาติฝรั่งเศส เขาทำหน้าที่เป็นผู้นำในสนามได้ดีเสมอมา คอยตะโกนสั่งการเพื่อนร่วมทีมจากแดนหลัง ฮูโก้ ยอริส ลงเล่นฟุตบอลโลกให้กับฝรั่งเศสเป็นครั้งที่ 3 แล้ว มากเหนือผู้เล่นในทีมทุกคน เขาคือคนที่อยู่เฝ้าเสาให้ทีมตราไก่มานานกว่า 10 ปี โดยผู้รักษาประตูรายนี้เสียประตูไปเพียง 4 ลูก เท่านั้น ฮูโก้ ยอริสทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในนัดที่ฝรั่งเศสต้องปะทะกับอุรุกวัยในรอบ 8 ทีม เขาช่วยเซฟให้ทีมหลายต่อหลายครั้ง เป็นสาเหตุสำคัญที่ช่วยให้ฝรั่งเศสเก็บคลีนชีตและเอาชนะอุรุกวัยไปได้สำเร็จ 2-0 ผ่านเข้ารอบต่อไป และอีกแมตช์ที่เขาโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมก็คือ ในนัดเจอกับเบลเยี่ยมในรอบรองชนะเลิศ บางคนถึงกับยกให้แมตช์นี้เป็นเสมือนนัดชิงฟุตบอลโลกไปเลย เพราะหากทีมไหนชนะก็เหมือนกับการได้แชมป์ไปแล้วครึ่งหนึ่ง เพราะทั้งสองทีมถูกยกให้เป็นเต็ง 1 และ 2 ในทัวร์นาเมนต์นั้น ยอริสสามารถเซฟสำคัญได้ ในช็อตปัดลูกโหม่งของแฟร์ทองเกนท์เกน์กองหลังเพื่อนร่วมสโมสรออกจากเส้นได้ และก็เป็นฝรั่งเศสที่เก็บคลีนชีตและเอาชนะไปได้ในที่สุด
4. พอล ป็อกบา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
เขาคือกองกลางสุดแนวจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พอล ป็อกบา กลายมาเป็นหนึ่งในใจกลางสำคัญของทีมฝรั่งเศสได้สำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เขาคือหนึ่งในกองกลางที่ถูกคาดว่าจะก้าวมาเป็นเบอร์ต้นๆ ของโลกได้ในอนาคต ตำแหน่งการยืนของป็อกบากับทีมฝรั่งเศสก็คือกองกลางตัวเชื่อมเกม เป็นตำแหน่งที่เขาถนัดที่สุด ประกบสองข้างกับ แบลส มาตุยดี้ และ เอ็นโกโล ก็องเต้ ที่คอยช่วยวิ่งขึ้นวิ่งลงตลอดเกม ทำให้งานของป็อกบานั้นง่ายขึ้นมาก เพราะสามารถเติมเกมรุกได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องนั่งพะวงหน้าพะวงหลัง ลูกทีเด็ดของกองกลางเบอร์ 6 รายนี้ ก็คือการวางบอลยาว โดยในทีมจะมีกองหน้าความไวสูงอย่างคิลิยัน เอ็มบัปเป้ และกองหน้าตัวใหญ่อย่างโอลิวิเยร์ ชิรูด์ ที่มักจะได้ประโยชน์จากการเปิดบอลของแข้งรายนี้ และป็อกบายังมีอีกทีเด็ดก็คือ ลูกยิงไกลของขา ที่สามารถแผลงฤทธิ์ได้ในนัดชิง ช่วยให้ทีมตราไก่ดับฝันทีมโครเอเชียได้สำเร็จ
3. คิลิยัน เอ็มบัปเป้ (ปารีส แซง แชร็กแมง)
กองหน้าอนาคตไกลจากเปแอสเช เขาคือนักเตะที่ถูกคาดว่าจะขึ้นมาแทนเมสซี่และโรนัลโด้ สองซูเปอร์สตาร์แห่งยุคได้ในอนาคต เอ็มบาเป้สามารถเล่นได้ทั้งกองหน้าและปีก ครบเครื่องไปด้วยความเร็วและการจบสกอร์ที่เฉียบคม เขาคือหนึ่งในนักเตะที่เด่นที่สุดของฝรั่งเศสชุดนี้ ด้วยอายุที่ไม่ถึง 21 ปี บอลโลก 2018 นับเป็นฟุตบอลโลกครั้งแรกของเขา และเขาก็สามารถคว้าแชมป์ได้ทันที จนได้รับรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำฟุตบอลโลกปี 2018 ไปครอง โดยแมตช์ที่น่าประทับใจของเขาก็คือ เกมกับที่ชนะทีมอาร์เจนตินาไป 4-3 เอ็มาปเป้สามารถเรียกจุดโทษ และยิงประตูได้ในเกมเดียวกัน เขาได้แสดงให้ทั้งโลกเห็นถึงความสุดยอดของเขา เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทีมฟ้า-ขาว ของลิโอเนล เมสซี่ กองหน้าเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 6 สมัย
2. อ็องตวน กรีซมันน์ (บาร์เซโลน่า)
กองหน้าของทีมบาร์เซโลน่าคือผู้นำในเกมรุกของฝรั่งเศสอย่างแท้จริง เขาทั้งสามารถจ่ายและยิงได้อย่างยอดเยี่ยม และสามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในแผงเกมรุก ทั้งกลางรุก ปีก และกองหน้า แนวรุกเบอร์ 7 สามารถทำได้ 3 ประตูในฟุตบอลโลกหนนี้ และยังมีอีกสถิติที่น่าสนใจก็คือ กองหน้ารายนั้นยังสามารถช่วยเกมรับให้กับทีมได้อย่ายอดเยี่ยม โดยเป็นกองหน้าในบอลโลกคนเดียวที่สามารถแย่งบอลมาครองได้มากกว่า 20 ครั้ง โดยกรีซมันน์ทำได้ทั้งหมด 22 ครั้ง โดยมากกว่ากองหลังในทีมอย่าง ซามูเอล อุมติตี้ ลูคัส เฮอร์นานเดส แบลส มาตุยดี้ และ คอเรนแต็ง โตลิสโซ่ อีกด้วย นับว่าเป็นนักเตะที่ครบเครื่องที่สุดของฝรั่งเศสชุดนี้ มีความสามารถทั้งเกมรุก และเกมรับ ยังไม่นับรวมเรื่องลูกเซทพีท ที่เจ้าตัวสามารถทำประตูจากจุดโทษได้ถึง 2 ครั้ง เป็นทุกๆ อย่างให้กับทีมจริงๆ สำหรับ อ็องตวน กรีซมันน์
1. เอ็นโกโล ก็องเต้
อันดับที่ 1 นั้นเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากกองกลางไดนาโมจากเชลซี เอ็นโกโล ก็องเต้ เขาคือผูอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของทีมชาติฝรั่งเศสอย่างแท้จริง เขาคือกองกลางกำลังหลักของทีม ที่สามารถวิ่งทั่วสนามบอลได้ทั้งวัน พลังงานของเขาไม่มีวันหมด เขาสามารถช่วยได้ทั้งเกมรุกและเกมรับ สำหรับก็องเต้มีจุดเด่นก็คือ เขาสามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในแผงกองกลาง เขาคือคนที่ทั้งโลกยกให้เป็นกลางรับที่ดีที่สุดในโลกตอนนี้ มิลฟิลด์รายนี้สามารถตัดบอลได้ถึง 19 ครั้ง แย่งบอลมาครองได้ถึง 38 ครั้ง เป็นสถิติสูงสุดในทีมชาติฝรั่งเศสชุดนี้ นับว่าเป็นกองกลางที่ทำหน้าที่ปิดทองหลังพระได้อย่างยอดเยี่ยม และกองกลางรายนี้ยังมีความแม่นยำในการจ่ายบอลสูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ จ่ายบอลสำเร็จถึง 311 ครั้งมันจะมีคำหนึ่งที่เรามักจะได้ยินจากชายคนนี้ก็คือ บอลอยู่ที่ไหนก็องเต้อยู่ที่นั่น หรือ การวิ่งที่ไม่มีวันหมดของเขา ก็องเต้ถือเป็นกุญแจหลักสำคัญที่ทำให้ทีมชาติฝรั่งเศสสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 ได้สำเร็จ
ถ้ากำลังมองหาเว็บพนันบอลโลกที่ดีที่สุด ดูได้ที่บทความ แทงบอลโลกเว็บไหนดี 10 เว็บพนันบอลโลก โปรโมชั่นดีที่สุด