ฟุตบอลโลกเกิดขึ้นมาอย่างยาวนานเป็นเวลาหลายร้อยปี แน่นอนว่ามันจะต้องมีประวัติศาสตร์การเกิดขึ้นมากันอย่างยาวนานแน่นอน ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นมาพร้อมๆ กับฟุตบอลโลก ก็คือเจ้าลูกกลมๆ ที่ใช้ในการแข่งขัน นั่นก็คือ “ลูกฟุตบอล” นั่นเอง
ซึ่งหากเทียบกับระยะเวลาของการเกิดหรือก่อตั้งของฟุตบอลโลกที่คุณอาจจะคิดว่ามันยาวนานมากพอแล้ว แต่ประวัติของลูกฟุตบอลนั้น รู้ไหมว่ามันยาวนานไปมากกว่าที่คุณคาดคิดไว้ซะอีก โดยยุคแรกๆ นั้น ลูกฟุตบอลที่ได้ใช้เตะนั้น ถูกทำมาจาก “กระเพาะปัสสาวะของหมู” และต่อมาก็ได้มีการพัฒนา ปรับปรุงขึ้นมาเรื่อยๆ
จนกระทั่งในปี 1855 ชาร์ล กู๊ดเยียร์ (Charles Goodyear) ก็ได้มีการออกแบบและผลิตลูกฟุตบอลที่ทำมาจากยางสังเคราะห์ขึ้นมาเป็นครั้งแรกของโลก โดยถือว่าการสร้างในครั้งนั้นเป็นหนึ่งในต้นแบบและก้าวสำคัญของวงการฟุตบอลเป็นอย่างมากกันเลยทีเดียว ซึ่งปัจจุบันลูกบอลลูกแรกของโลกนี้ก็ยังมีให้เห็นและถูกเก็บรักษาไว้ที่ Oneonta, NY, USA. แฟนบอลคนไหนที่อยากจะย้อนอดีตเข้าไปดูถึงประวัติศาสตร์ลูกหนังที่เราเห็นกันอย่างทุกวันนี้ หากมีโอกาสก็ห้ามพลาดที่จะเข้าไปเยี่ยมชมดูล่ะ
และต่อมาในปี 1863 สมาคมฟุตบอลอังกฤษก็ได้มีการร่างข้อกำหนดของรูปร่างและลักษณะของลูกฟุตบอลขึ้นมาเป็นครั้งแรก เพราะเนื่องจากในอดีตนั้น มันไม่ได้มีมาตรฐานในการควบคุมไว้อย่างชัดเจน ซึ่งกฎที่ว่านั้นมีรายละเอียดว่าลูกฟุตบอลนั้นจะต้องมีลักษณะที่เป็นทรงกลม โดยมีเส้นรอบวงที่ไม่น้อยกว่า 27 และไม่มากกว่า 28 นิ้ว โดยมีน้ำหนักไม่มากกว่า 16 ออนซ์และไม่น้อยกว่า 14 ออนซ์
เรียกได้ว่าข้อกำหนดดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งจุดเริ่มต้นที่ทำให้วงการฟุตบอลมีมาตรฐานในการเล่นที่เป็นสากลมากยิ่งขึ้น และต่อมาในปี 1970 ก็เป็นครั้งแรกที่ลูกฟุตบอลที่ได้ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกนั้นเป็นแบบ Buckminster โดยแบบที่ว่านั้น มีลักษณะเป็นลายตาราง 6 เหลี่ยมที่ทำการเย็บติดต่อกัน 32 ชั้นจนเป็นลูกฟุตบอล โดยมีการออกแบบสลับสีขาวและดำ เพื่อให้ผู้ร่วมชมสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
โดยเหตุผลที่ไปที่มา ที่ใช้เป็นสีขาวดำในยุคก่อนๆ นั้น ก็เพราะว่าในอดีตเทคโนโลยีโทรทัศน์ยังเป็นรูปแบบของสีขาวดำอยู่นั่นเอง ซึ่งฟุตบอลโลกในครั้งนี้นั้นก็เป็นครั้งแรกที่มีการถ่ายทอดสดอีกด้วย ซึ่งในต่อๆ มาลูกบอลก็ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เข้ากับการแข่งขันฟุตบอลโลกในแต่ละครั้งอีกด้วย
ต่อไปนี้เราจะมาเล่ากันถึงวิวัฒนาการของลูกฟุตบอลตั้งแต่ยุคแรกๆ ไปจนถึงยุคที่เราคุ้นเคยและคุ้นชินกับการเป็นลูกฟุตบอลอย่างที่เราได้เคยเห็นกันอย่างในทุกวันนี้ มาดูกันเลยดีกว่าว่า ก่อนที่มันจะมาเป็นลูกฟุตบอลที่เราเห็นในปัจจุบันนี้ มันเคยมีอดีตอย่างไรมาก่อน
ปี 1872 Charles Goodyear ได้ประดิษฐ์ลูกบอลที่เป็นทรงกลมโดยมีเส้นรอบวงตามมาตรฐานที่ทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษได้ตั้งเอาไว้นั่นก็คือ ลูกบอลที่มีเส้นรอบวงที่ไม่น้อยกว่า 27 และไม่มากกว่า 28 นิ้ว โดยมีน้ำหนักไม่มากกว่า 16 ออนซ์และไม่น้อยกว่า 14 ออนซ์ ซึ่งนี่ก็ได้เป็นขนาดมาตรฐานของลูกฟุตบอลตั้งแต่ตอนนั้นมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีชื่อเรียกลูกฟุตบอลลักษณะนั้นว่าเป็น Modern Football
ต่อมาในปี 1950 ก็มีการพัฒนาลูกฟุตบอลให้มีคุณสมบัติในการกันน้ำ โดยที่ใช้เทคนิคเป็นการเอาหนังสัตว์มาใช้ในการติดและตกแต่งลูกฟุตบอล ซึ่งวิธีนี้ทำให้รอยเย็บบนลูกบอลหายไป ทำให้ลูกฟุตบอลมีความเรียบที่มากขึ้น ส่งผลทำให้สามารถควบคุมทิศทางของบอลได้มากขึ้นอีกด้วยนั่นเอง
และในปี 1951 ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นในการพัฒนาลูกฟุตบอลให้เป็นสีส้ม โดยเหตุผลก็มาจากการทำให้ง่ายต่อการมองเห็นของนักฟุตบอล และผู้ชม เนื่องจากเป็นการเล่นในสนามที่มีหิมะปกคลุมอยู่นั่นเอง ทำให้เป็นเหตุผลทำให้ลูกบอลสีส้มนี้ ได้ถูกใช้กันในปีนี้
มาดูกันถึงปี 1978 กับตำนานของลูกฟุตบอลที่แพงที่สุดในโลกในสมัยนั้นกันดีกว่า กับลูกบอลที่มีชื่อว่า Tango ที่ในการแข่งขันฟุตบอลโลกที่ประเทศอาเจนติน่า โดยที่ทางอาดิอาสได้มีการออกแบบลูกบอลนี้ให้เป็นหนึ่งในลูกบอลที่เป็นมาตรฐานสากลสำหรับฟุตบอลในอีก 20 ปีข้างหน้า ทำให้เป็นเหตุผลที่ลูกบอลนี้ถูกพัฒนากันอย่างมาก จนมีราคาแพงที่สุดนั่นเอง
ข้ามกันมาดูลูกฟุตบอลในปี 1990 ที่ใช้ลูกฟุตบอลโลกในทำการแข่งขันในประเทศอิตาลี โดยเจ้าลูกบอลตัวนี้ มีชื่อว่า Etrusco Unico ซึ่งความพิเศษมันอยู่ตรงที่มันถูกพัฒนาและทำจากวัสดุสังเคราะห์จนทำให้ลูกบอลมีคุณสมบัติที่สามารถกันได้อย่างสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์อีกด้วย และความพิเศษอีกหนึ่งอย่างก็คือ ลวดลายบนลูกบอลตัวนี้เป็นได้อิงมาจากประวัติศาสตร์ของอิตาลีในยุค Etruscan อีกด้วย
ต่อมากับปี 1998 ในการแข่งขันฟุตบอลโลกในประเทศฝรั่งเศส ที่มีลูกฟุตบอลที่มีชื่อว่า Tricooloer โดยได้มีการนำเอาสีน้ำเงิน สีแดง และสีขาวเข้ามาในสำหรับลวดลายบนลูกฟุตบอล โดยสีต่างๆ เหล่านั้นก็ได้มีการอ้างอิงมาจากธงชาติฝรั่งเศสนั้นเอง และมันก็ถือว่าเป็นลูกฟุตบอลลูกแรกของโลกที่ได้มีการนำเอาสีอื่นเข้ามาใช้ในการทำลวดลายที่นอกเหนือจากสีดำ
และในปี 2002 ก็เป็นลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกที่มีชื่อว่า Fevernova โดยการแข่งขันฟุตบอลโลกในครั้งนี้นั้น เป็นครั้งแรกที่มีเจ้าภาพร่วมมือกันถึง 2 ประเทศ นั้นก็คือประเทศเกาหลี และประเทศญี่ปุ่น ทำให้รูปแบบและลวดลายของลูกฟุตบอลที่ได้ออกมานั้นมีความแปลกใหม่ซึ่งมาจากการผสมผสานของกราฟิกรูปดาวกระจายสีทองกับเปลวเพลิงสีแดง ซึ่งสื่อให้เห็นว่ามันเป็นตัวแทนของประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี ที่ได้ร่วมมือกันจัดการแข่งขันขึ้นมา
มาจบท้ายไปด้วยปี 2014 ด้วยลูกฟุตอบที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกที่ประเทศบราซิล ที่มีชื่อว่า Brazuca ซึ่งชื่อที่ได้มานี้นั้น เป็นชื่อที่ได้รับการโหวตจากแฟนบอลในประเทศเจ้าภาพอีกด้วย ซึ่งมันเป็นคำที่ชาวบราซิลใช้ในการแสดงความภูมิใจในวิถีชีวิตของพวกเขา และยังสื่อถึงความสนุกสนามอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่ารูปลักษณ์ของลูกบอลตัวดังกล่าวก็มีสีสันที่โดดเด่น สวยงาม และความพิเศษของวัสดุที่ใช้โพลียูรีเทนจำนวน 6 แผ่นหุ้มเป็นชั้นนอก ทำให้ควบคุมคุณภาพในการผลิตได้ง่ายมากยิ่งขึ้นเนื่องจากจำนวนแผ่นที่น้อยกว่านั่นเอง