รอยสัก หรือ การสัก เป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่หลายๆ คนหลงใหลและชื่นชอบ โดยการสักที่ว่านี้นั้น จะเป็นคล้ายๆ กับการวาดงานศิลปะไว้บนร่างกายของตัวเราเอง ทั้งนี้ทั้งนั้น บางครั้งก็อาจจะทำไปเพื่อความสวยงาม หรือความชื่นชอบเพียงเท่านั้น หากแต่ก็ยังมีอีกหลายๆ คน ที่ไม่ใช่สักเพียงสิ่งต่างๆ ที่ว่ามานี้เพียงอย่างเดียว
วันนี้เราจะมาพูดถึงรอยสักของนักฟุตบอล 5 คน ที่ไม่ได้สักเพียงเพื่อความสวยงามเพียงเท่านั้น หากแต่ว่ารอยสักต่างๆ เหล่านั้น ก็ยังแฝงไปด้วยความหมายมากมาย และหลายครั้งความหมายเหล่านั้นก็ความละเอียดลึกซึ้งมากกว่าที่เราเคยคาดคิด หรือคาดไม่ถึงวันนี้เราได้เก็บรวบรวมสิ่งต่างๆ เหล่านั้นมาให้คุณผู้ชมได้รับทราบกันไว้ในบทความนี้ที่เรากำลังจะพูดถึงนี้แล้ว ว่าแต่จะมีใครบ้างนั้น คุณรู้จักหรือเปล่า ไม่แน่นะว่าคุณอาจจะเคยเห็น หรือ เคยรู้จัก แต่ก็ยังไม่ทราบว่ามันมีความหมายแฝงไว้ด้วย วันนี้เรามาไขความลับและหาคำตอบของรอยสักเหล่านั้นกันเถอะ ว่าจริงๆ แล้ว สิ่งที่มากกว่าความสวยงามนั้น มันมีอะไรอีกบ้าง ตามมาดูกันได้เลย
1.สตีเฟ่น ไอร์แลนด์
คนแรกที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้เป็นถึงกองกลางตัวเก๋า ระดับตำนาน ฝีมือเยี่ยมของ สโต๊ค ซิตี้ (Stoke City) ซึ่งรอยสักของเขานั้น ก็ได้ถูกยกและยอมรับว่ามันเป็นรอยสักที่สวยเป็นอย่างมาก เช่นกัน อย่างที่เคยได้บอกไว้ในข้างต้น ว่ามันไม่ได้แค่เพียงสวย หากแต่ยังแฝงความหมายมากมายไว้ด้วย ซึ่งรอยสักของเขาที่ว่านั้นเป็นรูป “ปีกนางฟ้า” ที่อยู่เต็มกลางหลังของเขา ที่ไปที่มาของรอยสักนี้ก็มีมาอย่างยาวนานถึง 4 ปีในการสักและเก็บรายละเอียดจนเสร็จสมบูรณ์ พร้อมกับคำบรรยายที่ว่า “a bit of a nightmare for me”
ซึ่งหากแปลเป็นไทย ก็จะได้ว่า “มันเป็นแต่เสี้ยวหนึ่งของฝันร้ายสำหรับฉัน” หากตามความเข้าใจของคนเขียนเอง ก็คงจะหมายความว่า รอยสักนี้ที่ใช้ระยะเวลาการทำถึง 4 ปี ที่ซึ่งผ่านทั้งความเจ็บและระยะเวลาอย่างยาวนาน มันก็เป็นเพียงแค่ฝันร้าย หรือ ความเจ็บปวดเพียงนิดเดียวสำหรับเขา ซึ่งก็ไม่รู้ว่า ความเจ็บปวดของสตีเฟ่น ไอร์แลนด์ มีมากขนาดไหน แต่ก็หวังว่ามันจะค่อยๆ ดีขึ้นนะ เช่นเดียวกันกับ ทรงผมนักฟุตบอลเท่ในฟุตบอลโลกที่ตราตรึงแฟนบอลไม่รู้ลืม
2.ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
ผู้ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นสุดยอดปีกตามรุ่งพุ่งแรกของ “หงส์แดง” หรือ Liverpool ที่เขาได้มีสุดยอดรอยสักเช่นกัน ตรงตำแหน่งที่แขนด้านซ้ายของเขา ที่ว่ากันว่าเป็นรอยสักที่เป็นเหมือนกับแรงบันดาลใจในการเล่นฟุตบอลของเรา โดยมีรายละเอียดเป็นรูปเด็กน้อยคนหนึ่งที่อยู่หน้าสนามฟุตบอล เวมบลีย์ และถือลูกบอลอยู่
โดยเขาบอกว่า “ผมได้นำภาพเหตุการณ์เหล่านั้นมาสักลงไว้ที่ท่อนแขนของตัวเองเพื่อเป็นกำลังใจในการเล่นฟุตบอลต่อไป” ก็อย่างที่ว่า ไม่ว่าเราจะทำในสิ่งที่ชอบหรือสิ่งที่รักมากมายสักเพียงใด สักวันใดวันหนึ่ง เราก็ต้องมีความรู้สึกเหนื่อย ท้อ จนอยากจะล้มเลิกกันบ้างเป็นธรรมดา แต่สิ่งหนึ่งที่เชื่อได้เลยว่ามันจะทำให้เราฮึกสู้และกลับมาทำในสิ่งที่เรารักและชอบได้อีกครั้ง คือการกลับไปมองยังจุดเริ่มต้นที่เราได้ทำว่า คิดง่ายๆ ว่า ในตอนแรกเราอยากจะมาถึงจุดนี้ขนาดนั้น เมื่อมองย้อนไปแล้วจะรู้ได้ว่าเรามาไกลเกินกว่าที่จะล้มเหลวและล้มเลิกแล้วล่ะ สู้ต่อไป นักเตะบอลโลก!
3.ดาเนียล เด รอสซี่
นักฟุตบอลฝีมือฉะมังคนหนึ่งของวงการฟุตบอล และยังเป็นกองที่ถือได้ว่าเก่งที่สุดของอิตาลีในยุคนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งเขาก็ได้มีรอยสักที่แปลกแหวกแนว ที่เป็นเหมือนกับสัญญาลักษณ์บนท้องถนน อยู่ที่ตรงน่องซ้ายของเขา ซึ่งได้มีความหมายตัวนัยว่า “ห้ามเสียบ” ที่จะสื่อเป็นนัยๆ ว่า ห้ามให้ผู้เล่นคนไหนที่ทำการแข่งขันของเขามาเสียบเป็นอย่างเด็ดขาดนั้นเอง ถือว่าเตือนแล้วนะ
แต่ก็ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะเขาก็ยังมีอีกหนึ่งรอยสักที่เป็นตัวการ์ตูนจากเรื่องเทเลทับบี้ ที่ชื่อว่า ลาล่า อีกด้วย ซึ่งความหมายของรอยสักนี้ ก็ยังไม่ได้ถูกเปิดเผยจากปากของเขาแต่อย่างใด แต่ก็พอจะคาดคะเนได้คร่าวๆ ว่าเป็นความชื่นชอบส่วนตัวของเขามากกว่า หรือ มันอาจจะมีตัวการ์ตูนในดวงใดของเขาก็ว่าได้ แล้วคุณล่ะ เคยมีการ์ตูนหรือตัวละครในดวงใจ ที่ชอบมากๆ จนอยากจะสักมันหรือเปล่านะ … และกล้าที่จะสักสิ่งต่างๆ เหล่านั้นไว้ที่ตัวหรือเปล่า!?
4.ทิม โฮเวิร์ด
หนึ่งในสุดยอดทวารประตูชาวสหรัฐอเมริกาของ เอฟเวอร์ตัน และยังเป็นอีกหนึ่งนักฟุตบอลที่มีความหลงรักและหลงใหลในศิลปะของการสักและฝีเข็มเป็นอย่างมาก ซึ่งจะเห็นได้จากรอยสักที่มีกันอย่างมากมายเต็มตัวของเขา ซึ่งแน่นอนว่ารอยสักส่วนใหญ่นั้นก็เป็นภาพที่มีลายเส้นที่สวยงาม แต่ที่โดดเด่นและสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด ก็คือรูปของลูกชายและลูกสาวของเขาที่อยู่บนหน้าอกด้านซ้าย
ความนัยก็คงจะเหมือนกับสุภาพษิตไทย ที่ว่าลูกก็เปรียบเสมือนเป็นแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ เช่นกัน แต่นี่มาเป็นรอยสักเลย มากไปกว่านั้น ก็ยังมีรูปที่เป็นรอยสักของคุณแม่ของเขาเองในสมัยสาวๆ และยังมีภาพของคุณปู่ในชุดทหารบกอยู่บนร่างกายของเขาอีกด้วย ซึ่งหากมองเล่นๆ ก็คงเหมือนแกลลอรี่เคลื่อนที่เหมือนกันนะ แต่ก็นั่นล่ะ มันเป็นเป็นความสวยงามที่แฝงความหมายไว้อย่างมาก แต่ก็น่าคิดในประเด็นที่ว่าภรรยาสุดที่รักของเขาจะน้อยใจไหมที่ไม่ได้มีรูปหล่อนบนร่างกายสามีเหรือ หรือบางทีเขาอาจจะให้เห็นผลว่าที่ไม่พอ หรือมากไปกว่านั้น เขาอาจจะบอกว่าเจ้าหล่อนไม่ต้องสักให้รำลึกถึงแต่อยู่ในใจเสมอและตลอดไปก็ได้ ใครจะรู้
5.ราอูล เมยเรเลส
สุดท้ายนี้ จบไปกัลอดีตกองกลางตัวเก่งชาวโปรตุเกส ทั้งของทีมลิเวอร์พลู และ เซลซี ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งนักฟุตบอลที่มีรอยสักอยู่เต็มตัว แต่มีอีกหหนึ่งรอยสักในตำแหน่งที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาก็คือตรงบริเวณขาขาว ที่เป็นรอยสักใหม่ ที่พึ่งลงน้ำหมึกลงเข็มเสร็จในช่วงเวลา 6 ปีที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งก็เป็นรอยสักที่มีความเป็นศิลปะเป็นอย่างมาก แต่ที่โดดเด่นและน่าจำจดที่สุดสำหรับรอบสักของเขานั้นก็คือรูป “มังกร” สีสด ที่อยู่กลางหลังของเขา
ซึ่งการสักมังกร หากลองสังเกตดู เราจะพบว่ามันมีส่วนน้อยมากๆ ที่ผู้คนฝั่งยุโรปจะสักมังกรไว้ที่ตัว เพราะเนื่องจากหนึ่งมังกรเป็นสัตว์หรือศิลปะที่มีต้นกำหนดจากจีน ที่เราจะพบรอยสักเหล่านี้กันส่วนมากที่คนเอเชียเป็นหนัก ซึ่งความหมายของการสักมังกรก็คือความยิ่งใหญ่ ความแข็งแรง และพละกำลังอันมหาศาล หากแต่เรื่องของความสวยงามก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งลายเส้นที่จะต้องใช้ความละเอียดปรานีตเป็นอย่างมาก
จบกันไปแล้วกับเรื่องราวของรอยสักของนักฟุตบอลทั้งหลาย ซึ่งก็พอจะเข้าใจได้แล้วว่า จริงๆ แล้วรอยสักนั้นมันก็เป็นรสนิยมทางด้านของศิลปะเพียงแค่ส่วนหนึ่ง หากแต่ยังมีความหมายที่แฝงไว้อย่างมากมายอีกด้วย พอได้รู้ถึงความหมายที่ซ่อนไว้ในรอยสักของนักฟุตบอลที่เราได้กล่าวถึงในวันนี้ ก็ทำให้เกิดความรู้สึกมหัศจรรย์ใจในความหมายเหล่านั้นมากอยู่เช่นกัน
แต่ก็นับถือคนที่ชอบในรอยสักและสักสิ่งต่างๆ เหล่านั้นลงไปบนตัวเหมือนกันนะ เพราะจากที่เคยได้ยินมาก็รู้สึกว่ามันทั้งเจ็บและทรมานเป็นอย่างมาก แต่ก็ความชอบใครความชอบมัน เราจะต้องเคารพและไม่ตัดสินความชอบของคนอื่น และสำหรับใครที่มีความรู้สึกอยากจะสัก ก็ลองคิดดูดีๆ ลองหาลายที่ชอบจริงๆ ดู เมื่อมั่นใจได้ว่า ลายที่เราเลือกที่จะสักไปนี้นั้น เมื่อเรามองกลับมาเราจะไม่รู้สึกเสียใจที่ได้สักลงไป และไม่อยากรู้สึกอยากจะเอาลายเหล่านี้ออกไป ก็สักไปเลย จัดไปอย่าให้เสีย ชีวิตนี้มันสั้น อยากทำอะไรก็ทำ ขอแค่มันไม่เดือดร้อนคนอื่นก็พอ